วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวปารีส

ข้อมูลการท่องเที่ยว
คุณสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวปารีสได้ที่ ศูนย์บริการการท่องเที่ยวปารีส ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการจองโรงแรม จองที่นั่งชมคอนเสิร์ต หรือจองตั๋วนั่งเรือล่องแม่น้ำแซนชมเมืองปารีส
ติดต่อขอรับบริการล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ ที่แผนกต้อนรับกลางของศูนย์บริการการท่องเที่ยวปารีส
127 Avenue des Champs-Elysées (เขต 8) โทรศัพท์ 33 (0) 8 92 68 31 12 (ค่าโทรศัพท์ 0.34 ยูโรต่อนาที) เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 20.00 น. (ปิดทำการวันที่ 1 พฤษภาคม) วันอาทิตย์และวันหยุดราชการ ในช่วงนักท่องเที่ยวน้อย (มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม พฤศจิกายนและธันวาคม) เปิดเวลา 11.00 น. ถึง 18.00 น. นอกจากนี้ยังมีศูนย์บริการสาขาที่สถานีรถไฟสายเหนือ (Gare du Nord) และสายใต้ (Gare de Lyon)



ชมเมืองปารีส
เมื่อมาถึงปารีส สิ่งแรกที่คุณควรทำคือไปหาซื้อหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวปารีสที่จัดพิมพ์ออกมาหลายฉบับ เช่น Pariscope, L’Officiel des spectacles, Zurban… โดยมีวางขายอยู่ตามร้านหนังสือริมถนนทั่วไป หนังสือเหล่านี้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งรายการภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ นิทรรศการและการแสดงทุกประเภท สำหรับผู้ที่ชอบละครขอแนะนำให้ไปติดต่อที่ซุ้มประเภทเคาน์เตอร์เซอร์วิสบริเวณสถานีรถไฟ Montparnasse และที่ Place de la Madeleine ซึ่งมีตั๋วชมละครเรื่องต่างๆ ในวันเดียวกันนั้น จำหน่ายในราคาถูกเป็นพิเศษ
หากคุณต้องการซื้อตั๋วละคร คอนเสิร์ตหรือการแสดงอื่นๆ สามารถซื้อล่วงหน้าได้ที่ร้าน FNAC และ Virgin ทุกสาขา หรืออาจไปซื้อที่หน้างานได้
ของดีของเด่นประจำเขต
นครปารีสแบ่งการปกครองออกเป็น 20 เขต แต่ละเขตแต่ละชุมชนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น ย่าน Bastille มีกิจกรรมที่สนุกสนานดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำจนทำให้ในปัจจุบัน ย่าน Oberkampf และ Marais จัดกิจกรรมแบบเดียวกันขึ้นมาบ้าง หรือถ้าคุณชอบการเดินเล่นสบายๆ ตามลำพังโดยไม่มีคนพลุกพล่าน ควรไปที่ Montmartre ซึ่งเป็นเนินเขาย่อมๆ กลางนครปารีส หรืออาจไปนั่งจิบกาแฟหอมๆ ดูผู้คนเดินผ่านไปมาที่ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงย่าน Saint-Germain-des-Prés (เช่น Café de Flore, Les Deux Magots … ) ซึ่งให้ความเพลิดเพลินจนเวลาผ่านไปไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
เพลินใจและได้ความรู้
ปารีสเป็นนครหลวงที่ร่ำรวยด้วยศิลปะและวัฒนธรรม มีพิพิธภัณฑ์ สถานที่สำคัญ และอนุสาวรีย์ต่างๆ มากมาย ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ศูนย์ศิลปะ Georges Pompidou พิพิภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา (Muséum d’Histoire Naturelle) นิทรรศการศิลปะที่ Grand Palais และที่ทุกคนทั่วโลกต้องรู้จัก คือ หอไอเฟล วิหาร Notre-Dame โบสถ์ Sainte-Chapelle โรงละครโอเปร่า Garnier
สำหรับผู้ที่ชอบพิพิธภัณฑ์ควรซื้อบัตร Musées Monuments ซึ่งมีให้เลือกแบบ 1, 3 หรือ 5 วัน เพื่อใช้เป็นบัตรผ่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือสถานที่สำคัญต่างๆ ได้ถึง 70 แห่ง ในเขตนครปารีส และแคว้น Ile-de-France บัตรนี้มีจำหน่ายที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยวปารีส สถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่งหรือที่ช่องขายตั๋วของพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการ
ค่าบัตร
1 วัน ราคา 12.16 ยูโร3 วัน ราคา 24.39 ยูโร5 วัน ราคา 36.58 ยูโร
แหล่งช้อปปิ้ง
ปารีสได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแฟชั่นของโลก ดังนั้นจึงเป็นแหล่งรวมของเสื้อผ้าอาภรณ์สุดหรู
ถ้าคุณสนใจผลงานของนักออกแบบระดับโลก ต้องไม่พลาดไปเดินที่ย่านแฟชั่นถนน Montaigne (Yves Saint Laurent, Christian Dior… ), Faubourg Saint-Honoré (Hermès, Gucci) หรือที่ย่าน Madeleine, Saint-Sulpice, Sèvres-Babylone, Grenelle, Cherche-Midi, Saints-Pères (Versace, Sonia Rykiel…)
นอกจากนี้ปารีสยังเป็นสถานที่แสดงฝีมือของนักออกแบบรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงอีกหลายคน เช่น Agnès B., Claudie Pierlot (ย่าน Les Halles, Saint-Sulpice), Kenzo (Place des Victoires), Ventilo
สินค้าปลอดภาษี
นักท่องเที่ยวที่มีถิ่นพำนักอยู่นอกสหภาพยุโรปมีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นภาษี 12% เมื่อซื้อสินค้าบางประเภท โดยมูลค่าสินค้าที่ซื้อจะต้องเกินกว่า 182.94 ยูโร (รวมภาษีแล้ว) และเป็นการใช้จ่ายในวันเดียวกันและในห้างร้านเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะซื้อสินค้าคุณควรสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการยกเว้นภาษีที่ร้านนั้นๆ เสียก่อน
ห้างสรรพสินค้า
ห้างเด่นดังที่คู่กันมากับปารีส ได้แก่ Le Printemps, Les Galeries Lafayette, Le Bon Marché, La Samaritaine, Le BHV ซึ่งบางห้างมีสาขาตั้งอยู่ตามเมืองสำคัญๆ ของฝรั่งเศสเช่นกัน
ห้างเหล่านี้มีสินค้าหลายหลากยี่ห้อ และมีสิ่งของทุกประเภทไว้ล่อตาล่อใจนักช้อปปิ้ง
ตลาดของเก่า
ตลาดนัดขายยองเก่าที่ผู้คนนิยมไปเดินกันที่ปารีสมี 2 แห่ง ตั้งอยู่แถบชานเมืองที่เรียกกันว่า Porte de Vanves และ Porte de Saint-Ouen (ซึ่งกว้างขวางใหญ่โตและน่าเดินมาก)
ตลาดหนังสือเก่า
แผงขายหนังสือที่ตลาดนี้จะตั้งเรียงรายกันอยู่ที่ริมกำแพงบนถนนเรียบแม่น้ำแซนในย่าน Saint-Michel สินค้าที่นี่จะมีทั้งหนังสือเก่า หนังสือมือสอง การ์ตูน โปสการ์ด... ทุกประเภททุกสมัยและทุกราคาให้เลือกซื้อหา และคุ้มค่าแม้เพียงเดินชม
ตลาดนัด
คงไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สนุกไปกว่าการเดินตลาดนัด เพราะคุณจะเพลินตาไปกับสีสันและได้สัมผัสกลิ่นอายของท้องถิ่นได้เต็มที่ ในปารีสมีตลาดนัดที่น่าไปเดินเล่นหลายแห่ง เช่น ตลาดดอกไม้สดและตลาดขายนกสวยงามบนเกาะกลางแม่น้ำแซน ตลาดสินค้าสุขภาพและตลาดผักผลไม้ขายของสดซึ่งมีอยู่ตามชุมชนต่างๆ เป็นที่พบปะสังสรรค์ของผู้คนในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ชวนให้คิดถึงเมื่อตอนตามคุณแม่ไปจ่ายตลาดเมื่อครั้งยังเด็ก


ระบบการศึกษาของฝรั่งเศส

ระบบการศึกษาในปารีส

โดยมาก เราจะสนใจ เรื่องเรียนต่อ ระดับสูงกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นคือ ระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท และระดับปริญญาเอก ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ระบบการศึกษาของบ้านเรานั้นเป็นระบบอเมริกา (ระบบมหาวิทยาลัย) ซึ่งมันจะค่อนข้างจะแตกต่างกับระบบการศึกษาของยุโรป ในยุโรปนั้น ระบบการศึกษาค่อนข้างจะซับซ้อน เพราะเค้าต้องการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้าน เพื่อที่จะไปทำงานในด้านนั้นๆ ดังนั้นปริญญาจริงเป็นมากกว่าใบเบิกทาง ที่นี่ปริญญาเป็นกุญแจสำคัญที่จะใช้ไปประกอบวิชาชีพด้านนั้นๆ ที่เมืองไทยเราจะสอบ Entrance เพื่อที่จะเข้ามหาลัย แต่ที่ฝรั่งเศสเค้าจะสอบ Baccalauréat ซึ่งจะคล้ายกับบ้านเราแต่จะเป็นการสอบจบ ม6 และจะเป็นกุญแจสำคัญสู่การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งประกาศนียบัตรนี้เป็นประกาศนียบัตรแห่งชาติ
ระบบการศึกษาที่ยุโรปจะแบ่งออกเป็นสายวิชาชีพ และสายวิชาการ
อย่างเช่นทางด้านวิศวกรรม นั้นจะพบได้ในทั้ง 2 สาย คือพวก ที่จะออกไปทำงานวิจัย และพวกที่จะออกไปทำงานเทคนิคทางด้านวิชาชีพ
การที่เราจะเข้าไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา (ระดับปริญญาตรี) นั้นเราจะต้องมี Baccalauréat ซี่ง นรไทยที่มาเรียนต่อจะไม่มี ทำให้การสมัครเข้าเรียนต่อ ในระดับนี้จะเข้ายากมาก (ส่วนมากไม่มี Baccalauréat แล้วเค้าจะไม่รับ) อ้อลืมบอกไปว่าที่นี่เวลาเราจะเข้าไปเรียนต่อ ส่วนมากจะไม่มีการสอบเข้า (ยกเว้น Ecole d’ingénieur) เค้าจะสมัครแล้วส่งผลการเรียนต่อ(ระดับที่เราจบมา) แล้วรอประกาศผลว่าเค้าจะรับหรือไม่
โรงเรียนเฉพาะทางชั้นสูง (Grande Ecole) ส่วนมากจะต้องสอบเข้า โรงเรียนพวกนี้จะเป็นสายวิชาชีพ โดยโรงเรียนพวกนี้ส่วนมากจะเป็น Engineering School (แบบของอเมริกาก็พวก MIT School of Engineering, Engineering at Duke University ไม่ก็ Stanford School of Engineering) กับ Business School (แบบของอเมริกาก็พวก Harvard Business School)
ระบบการสอนจะแตกต่างกับระบบ มหาวิทยาลัยซึ่งจะเป็นสายวิชาการ
รอบปีการศึกษา
โรงเรียนที่นี่จะไม่มีรอบปีการศึกษาที่ชัดเจนโดยมากจะแล้วแต่ สถาบันการศึกษานั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นที่เมืองไทยใน รอบปีหนึ่งๆ จะมี 2+1 เทอม การเรียนจะแบ่งเป็นสายวิชา แต่ละวิชาจะมีหน่วยกิจ ที่ฝรั่งเศสในรอบปีหนึ่งๆ จะมีวันหยุดเชงเม้ง (2 weeks) วันหยุดหน้าหนาว (2 weeks) วันหยุดอีสเตอร์ (2 weeks) และปิดเทอมหน้าร้อน (2 เดือน) (vacances scolaires)
ค่าเรียน
โรงเรียนที่นี้จะมีทั้งโรงเรียนของรัฐและของเอกชน ค่าเรียนในโรงเรียนของรัฐจะตกประมาณปีละ 600euro และของเอกชนนั้นจะแพงกว่าอาจจะถึง 2000-4000euro ต่อปี


ร้านขนม+ร้านขายยา

ร้านขนม ย่านมาเคร่
ร้าน Le Loir dans la théière ร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่อ ย่านมาเคร่ ที่เปิดวันอาทิตย์ อยู่ ในย่าน มาเคร่ ฝั่งด้วย โบสถ์ St Paul โดนย่านมาเคร่ นั้น ถ้าจะเอา กันง่ายๆ จะ อยู่ระหว่าง Hotel de Ville กับ โบสถ์ St Paul ขนาน ถนน Rivoli ร้านร้านนี้เป็นแนวๆ ร้านกาแฟ เก่า นั่ง ชิวๆๆ มี ขนมบ้าน (เค้ก) ให้เลือก ตามอารมณ์ เจ้าของปารีส


ร้านขายยา ราคาถูก ในปารีส
ของฝากอีกชนิดหนึ่งซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่ค่อยรู้จักแต่ถูกใจผู้หญิงในหลายๆวัย ก็คงจะเป็น ยาและเครื่องสำอางค์ของฝรั่งเศส ซึงมีคุณภาพสูงและราคาถูกกว่าเมืองไทยเยอะเลยทีเดียว เลยนำเอาร้านเภสัช ชื่อดัง ราคาถูกมาแบ่งปันเผื่อมีใครฝากให้ซื้อครีม หรือ ลิปสติกมันไว้ใช้จะได้ซื้อในราคาที่ถูกๆ
วันเสาร์จะคนจะค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง 90 %
ชื่อร้าน : CITY PHARMA
Métro : สาย 4 Saint Germain des près
เวลาทำการ : เปิดจันทร์-เสาร์ 8:30 - 20:00 H
วันอาทิตย์เปิด ตอน 9:00 - 20:00 H

ย่านการค้าในปารีส

La Valée outlet Shopping village

ย่าน Outlet ชื่อดังสำหรับสินค้าแบรนด์ดัง ของปารีส ก็คงจะหนีไม่พ้น La Valée outlet Shopping village อย่างแน่นอน ลดกันทั้งปี แต่จะลดพิเศษอีกในช่วง Soldes
ไปยังไงจากปารีส
วิธีการเดินทางจากปารีส เหมือนเส้นทางเดียวกันกับการไป Disney land ครับ แต่ถึงก่อน 1 ป้าย สถานีชื่อว่า Val d’Europe ค่ารถขาไปอาจจะแพงหน่อยเพราะอยู่ถึง ZONE 5 แต่ถ้ามีการ์ด Imagine R (อายุต่ำกว่า 26) ก็ไปได้สบายๆ สำหรับวันเสาร์อาทิตย์ หรือ วันหยุดต่างๆไม่อย่างนั้นก็สามารถซื้อตั๋ววัยรุ่น สำหรับเสาร์อาทิตย์ หรือ วันหยุดซึ่งราคาถูกกว่าตั๋วปกติ ครึ่งนึงและเป็นตั๋ววัน ZONE 1 - 5 ราคาต่อวัน เข้าออกกี่ครั้งก็ได้ สำหรับวัยรุ่นต่ำกว่า 26 ปี = 6€40
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้
http://www.ratp.info/informer/tarif.php

นั่งรถ สาย RER A (สีแดง) ไป Direction Marne la valée Chessy
หลังจากออกมาจาก สถานีแล้วให้เดินไปทางขาวมือเข้าห้าง และ เดินต่อไปจนสุดทะลุห้าง ประมาณ 700 เมตร ตรงทางออกสุดทาง จะมีร้าน Mcdonal อยู่หัวมุม และท่านก็จะเข้าสู่จุด Outlet ลดราคากระหน่ำของ ปารีส ส่วนใหญ่จะเป็น สินค้าตกรุ่นหรือ ขายไม่ออก นำมาลดราคา รูปแบบร้านค้าก็จะอยู่ในสไตล์เดียวกับ สถาปัตแนว Disney landของที่มีมากและราคาถูกกว่าที่อื่นแน่ๆ คงเป็นรองเท้าของ Nike ผมไปก็ไปได้มาคู่หนึ่งเหมือนกัน ราคาตกประมาณ 30 - 50 € ซึ่งราคานี้หาซื้อไม่ได้แน่ๆ ในปารีส และ พวกข้าวของยี่ห้ออื่นๆ อาทิเช่น Diesel, Celine, Carmel, Longchamps ...

China Town ย่านจีนในปารีส

China Townในปารีสที่ใหญ่สุดนั้นอยู่ที่เขต 13 ครับย่านนี้จะมีคนเอเชียอยู่กันค่อนข้างหนาแน่น ถ้าใครไม่เคยไปและได้ไปเดินเที่ยวสัมผัสบรรยากาศ ก็คงจะมีความรู้สึกเหมือนได้มาเดินเที่ยวเล่น ในเมืองจีน
เดินทางไปอย่างไรสามารถไปได้ มีสามทาง นั่งรถไฟ Métro สาย 7 แล้วไปลง Porte d’Ivry
หรือ จะนั่ง Tram สาย 3 ก็ได้ จะสุดสายพอดี
ท้ายสุดก็คงเป็นจักรยาน Velib มีที่จอดอยู่ใกล้ๆเลย

ย่านนี้เป็นจุดค่อนข้างสำคัญสำหรับ คนไกลบ้านที่คิดถึงอาหารไทยๆ เอเชีย หรือ อาหารเวียดนาม ร้าน Super Market ที่ใหญ่สุดและยั้งยืน มานานแสนนาน ในย่านนี้ก็คงจะไม่มีใครเกิน Tang frères หรือเหล่าพี่น้องคนแซ่ตั้งนั้นเอง เจ้าของเองนั้นเป็นคนลาวเชื้อสายจีน ซึ่งมาตั้งรกรากอยู่ที่ฝรั่งเศส
ในซูเปอร์มีขายตั้งแต่ ผัก ผลไม้ ของกิน จานชาม เป็ดย่าง หมูกรอบ หรือของอร่อยในย่านนั้น ที่จะพลาดไม่ได้เลยถ้าไปถึงแล้ว คือแซนวิสแปรงรูป สอดแทรกในขนมปัง Baguette ของฝรั่งเศสได้อย่างลงตัวกับแครอตดองรสชาติกลมกร่อม และแตงกวาสอดแทรกระหว่างกลาง ทาด้วย มายองเนสนิดหน่อย ถ้าชอบเผ็ดก็จะมีการป้ายพริกแถมให้ คนถามจะถามประโยคเคยชินที่ว่า Pimenté ou pas ? แปลว่า เอาเผ็ด(พริก)เปล่า ? ราคาแสนถูก อันละเพียงแค่ 2€ เท่านั้นเอง และ มีให้เลือกรับประทานหลายรูปแบบ ส่วนตัวผมชอบ แซนวิส Maison เพราะมีผสมหลายๆ อย่างในตัว เช่นหมูยอ หมู roti และ หมูแดง หรือไม่ก็ แซนวิส ไก่ย่าง ! Poulet grillé (พูดแล้วหิว)
สินค้าของไทยที่นำส่งออก ก็สามารถหาเจอได้เยอะใน Tang frères ครับ อาทิเช่น อาหารกระป๋อง หรือ ผลไม้ มีตั้งแต่ ยี่ห้อ Aroi Dee, ปลายิ้ม, หอยนางรม หรือ ของ ขบเคี้ยว อย่าง โก๋แก่ หรือ น้ำพริก น้ำปลา มีกันให้เลือกมากมาย เหมือนตาม Super Market ของเมืองไทยเลยทีเดียว
> ซื้อการ์ดโทรศัพท์ และ วิธี โทรกลับเมืองไทยแบบ ประหยัด


โทรกลับเมืองไทย จากฝรั่งเศส

อยากโทรกลับเมืองไทย ทำไง ดี
1) อย่างแรก ก็มีแบบโทรเข้า โทรศัพท์ ไทย โดยตรงเลย อันนี้ก็ ถ้าใช้ free internet อันนี้ โทรศัพท์มันโทรกลับไทยฟรี (โทรตรงเลย)ไม่ก็ใช้บัตรโทรกลับไทย
2) อันนี้ มีสองแบบ แบบซื้อในเนท กะซื้อตามร้านปรกติแล้ว จะมี 2 บริษัท ที่เปิดให้ บริการ อันแรก Phenix telecom (หรือ บัตรยี่ห้อ ยักษ์) อันที่สองของ iradiumแบบซื้อในเนท ก็ลองเข้าไปหาเวปนี้ http://www.phenixtel.net/ http://www.iradium.frถ้าเป็นแบบขายในร้านก็พวกบัตรขูด/ (จะเหมือนกัน แต่จะได้เวลาน้อยกว่าหน่อย แล้วก็ต้องไปซื้อที่ร้าน)แต่ ระวังนะ เพราะสองอันนี้ ใช้กับโปรโมชั่นของมือถือที่นี่ไม่ได้ การโทรนั้นมันไม่ได้อยู่ในโปร ilimité นะ ไปอ่านดูดีๆ เพราะเค้าเขียนในสัญญามือถือไว้ว่า ไอ Pro ilimité นี่อะใช้โทรจากคนไป คน ถ้าโทรผ่านศูนย์ (แบบ บัตรโทรกลับไทย) อันนี้ไม่อยู่ในสัญญา ถ้าเราโทรจะถือว่าเราผิดสัญญาแล้วมันอาจจะตามมาเก็บเงินที่หลังได้ เพราะ เราผิดสัญญา แบบโทรบ้าน illimité ก็คล้ายๆ กัน แต่มันยังไม่เอาจริง เท่าที่รู้มายังไม่มีใครโดนแต่ถ้าจะใช้คู่กับตู้โทรศัพท์ อันนี้ก็โอ มากๆๆ
3) ไม่ก็ ใช้ โทรจากคอม เข้ามือถือ (VOIP)อันนี้มันก็มีโปรแกรม ที่ต้องซื้อ เครดิต โทรศัพท์ แล้วลงโปรแกรมโทร โทรจากคอมเราเข้าเบอร์เมืองไทยได้ บางทีก็ซื้อ ตัวโทรศํพท์แบบ VoIP มา ต่อกับคอมทาง USP port แล้วโทรออกได้เลย อันนี้ก็ไม่เลวร้าย แต่ต้องอยู่กับคอม
4) ไม่ ก็ใช้ ระบบโทรเข้า ศูนย์โทรศัพท์ แบบ เทเรคาเบ อันนี้น่าจะไม่ค่อยมีคนใช้แล้ว คือเราต้องโทรไป charge เครดิส เราผ่านทางโทรศัพท์ แล้วเราก็โทรออก โทรกลับไทย อันนี้มันจะคล้ายๆ บัตรโทรศัพท์ แต่ต่างที่ไม่ต้องไปจำรหัส มันจะจำเบอร์ โทรศัพท์ เรา ข้อเสียก็อันนี้แหละ มัน จะติดกับเบอร์โทรออก (มันเป็นเบอร์ โทรออกพิเศษ อาจจะโดนแพง)
5) สุดท้าย คุยกันในคอมนี้แหละ ประหยัดดี ไม่ MSN ก็ skype แต่อันหลังจะเสียงชัดกว่า ถ้ารุ่นลุงๆหน่อยก็ใช้ ICQ ไม่ก็ yahoo messenger กัน ไม่งั้นก็ให้ที่บ้านโทรมา ตอนนี้ก็โทรไม่แพง แถมยังมีขายบัตรโทรศัพท์ สำหรับขาเม้าที่ขาดกันไม่ได้ แต่ถ้าเป็น คุณพ่อคุณแม่ อันนี้ให้โทรตรงก็ดี เพราะมันก็ไม่แพงเหมือนแต่ก่อนแล้ว ถ้าโทรตรงก็นาทีละแปดบาท แต่ถ้าผ่านบัตร อะ www.thaitelephone.com อะลองเข้าไปดูเวปเค้าเอา อันนี้โทรเข้า Fix ฝรั่งเศส นาทีละบาท โทรเข้ามือถือนาทีละแปดบาท
คิดดูนาทีละบาท อะไรจะถูกบานนั้น คิดดู หก ชม แค่ 1x6x60 = 360 บาท เท่ากับ เจ็ดยูเอง (แต่ใครจะบ้าคุยหก ชม ติด)นอกจากนั้น เวป พี่ไทยนี่แรงกว่า นะ เพราะ เราโทรกลับ จากฝรั่งเศส กลับไทย นาทีละสองบาท โดยใช้ เบอร์เดียวกันได้
วิธีการโทรกลับประเทศไทย หรือ โทรไปประเทศอื่น
1. โทรเข้าเลขหมายที่กำหนด (Access Number) ตามประเทศที่ท่านอยู่
2. กด รหัสบัตร (xxxxx-xxxxx) ตามด้วยเครื่องหมาย #
3. กด รหัสประเทศ (66) + รหัสเมือง + หมายเลขโทรศัพท์ + # (ตัวอย่าง : การเรียกจากต่างประเทศกลับประเทศไทย ( รหัสประเทศ 66 ), มือถือ หมายเลขโทรศัพท์ (081) 123-4567 คุณสามารถกด 66 81 1234567 #)Country = PARIS Access Number= 0170610378 Rate Baht/min = 2
(เรื่อง Travel voice gateway) จริงๆ แล้วใช้ตัว Travel voice gateway ก็โทรฟรีได้แล้ว แค่มีตัวนี้ต่อเข้า ADSL ทั้งสองฝ่าย ก็คุยกันฟรีได้เลย โทรหากันเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมันใช้ผ่านอินเทอร์เน็ตจ้า ไว้ว่างๆ จะเล่าถึงประโยชน์ตัวนี้ให้ฟัง ยอมเสียตังค์ซื้อครั้งเดียวคุยฟรีได้ตลอดด้วย ที่สำคัญเจ้าตัวนี้ราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิดด้วย

เพิ่มเติม
ร้านขาย บัตรโทรศัพท์สำหรับโทรกลับไทยหรือต่างประเทศ ในปารีสหาซื้อได้ในเขต 13 หรือย่านคนจีน China town ครับวิธีไปนั้นง่ายมาก กดดูตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยนะครับ ดู Video ที่ 1 เมื่อ ออกมาจากเมโทรแล้วเดินตรงลงมาเรื่อยๆ ตามทาง พอมาถึงจุด Video ที่สอง ก็ให้เดินเข้าไปใต้ตัวตึก จะมีบันไดเลื่อน ให้เดินขึ้นไปตามทาง ทางขึ้นจะเจอร้านขายยาและร้านขายของชำร่วยและ CD เพลงเป็นร้านคนเวียดนาม เดินไปจะเจอทางแยกตรง Bank BNP ตรงนี้มีสอง ทางเลือก
ทางซ้ายเดินไป 20 ก้าวมีร้านคนไทย ขายการ์ดโทรศัพท์และ วีดีโออัดรายการจากเมืองไทย และก็หนังสือไทย
ทางขวาเดินไป 25 ก้าวหน้าร้านมีตุ๊กตา การ์ตูน DVD ญี่ปุ่นสว่างมากชื่อร้าน TAI YOU เจ้าของร้านผู้หญิงวัยกลางคน (อาซ้อ) เป็นคนจีนลาว พูดไทยได้คล่องมาก แกไปเที่ยวเมืองไทยบ่อย เวลาไปซื้อกับเค้าจะชอบแถมของชำร่วยเล็กๆ น้อยๆให้ ชวนคุยตลอด ถ้าซื้อการ์ดโทรกลับเมืองไทย เจ๋ก็จะเสนอขายการ์ด โทรศัพท์ของร้านแก เอง ก็ใช้ได้แต่ถ้าไม่ชอบก็เอาแบบยี่ห้ออื่นก็ได้ ก็จะโทรได้พอๆกัน เหมือนๆกัน แล้วแต่ว่าการ์ดไหนมันจะโกงน้อยกว่ากัน แต่อย่างว่ากว่าจะโทรหมดใบหนึ่งก็ใช้เวลาหลายเดือน...โทรเข้าบ้านเมืองไทย กทม. ประมาณ 2000 นาที โทรเข้ามือถือ หรือ ต่างจังหวัด 1500 นาทีราคา 13€ ถ้าซื้อสองใบ ก็ 25€ เจ๋จะบอกว่า เอาน่าเจ๊ลดให้พิเศษ (แต่จริงๆ แล้วเจ๊ก็ลดให้ทุกคน)


การหาบ้านในปารีส

รายชื่อ web site ที่เสนอที่พักในปารีส
> Paruvendu
> Abonim75paris
> Pap.fr
> Logic-immo
> Explorimmo
> Lesiteimmobilier
> Drimmo

หาบ้านในปารีส ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ยิ่งหาที่ดี ราคาถูกเหมือนทุกคนที่อยากได้ ก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ถ้าเพื่อนๆ งบน้อยแต่อยากได้ที่พักเหมาะสมกับราคา ลองมองหาดูตามเขตรอบนอกตัวเมือง ของปารีสก็ดีนะครับ ราคาจะถูกลงมาค่อนข้างมากและตัวเลือกก็จะเพิ่มขึ้นมาด้วย
ราคาค่าเช่าบ้านโดยประมาณในปารีสแล้วแต่เขตด้วยครับ เริ่มต้นจาก Studio 15M² - 30 M² ต่ำสุดๆคงเริ่มต้นที่ 500 € ราคานี้ก็หายาก เคยเห็นคนหาได้ถูกกว่านี้ก็มี แต่น้อยมากไม่เช่นนั้นก็จะขนาดเล็กมากๆ
ราคาเฉี่ลยอยู่ที่ประมาณ 600 € + ต่อเดือนสำหรับ Studio ที่มีห้องอาบ น้ำในตัว และมุมครัวเล็กๆ โดยรวมค่าน้ำค่าไฟ
Internet ราคาเดือนละ 30 € / ของ บ. free : www.free.fr ดีมากถ้าในตัวตึกมีผู้ติดแล้ว สามารถโทรกลับเมืองไทยเข้าเบอร์บ้านได้ฟรี มีรวมทั้ง TV / Internet / โทรศัพท์
ถ้าเป็น นศ. ที่ไม่มีรายได้ ก็จะได้ เงิน CAF ช่วยจากรัฐบาลฝรั่งเศส ประมาณ 180€ / ต่อเดือน (ในปารีส) หรือ 230 € สำหรับเด็ก นร. ทุนBoursier
การหาบ้านรอบนอกปารีสสิ่งสำคัญในการหาบ้านรอบนอก สิ่งที่ต้องนึกถึงอย่างแรกคือด้านการคมนาคม และต้องดูสถานที่ศึกษาและ มหาวิทยาลัย เช่นถ้า มหาวิทยาลัยอยู่ที่ Sorbonne Pantéon มีสาย RER B ผ่านที่ สถานี Luxembourg การหาบ้าน ก็แนะนำให้หาบ้าน ลงมาทางใต้เช่น Bagneux หรือ Bourg la reine ที่มีสาย RER B วิ่งผ่าน นั่งรถไปใช้เวลา ไม่เกิน 20 นาทีก็ถึง และก็ช่วยประหยัดค่าเช่าได้เยอะ
อีกตัวอย่างเช่น Maisons Alfort ที่อยู่ออกไปนอกเมืองหน่อย แต่ก็มีสถานีรถไฟRER D วิ่งเข้ามาถึง Gare de Lyon และจาก Gare de Lyon ก็มีทั้งสาย RER A และ เมโทรสาย 1 หรือจะนั่งไปต่อ จนถึง Chatelete ก็ได้ ตัวอย่างสุดท้าย คงจะเป็น La Défense ถ้ามหาลัยอยู่ Naterre ก็จะสบายหน่อย มีศูนย์การค้าใหญ่โตประมาณ World Trade บ้านเรา นั่งรถป้ายเดียวถึง มหาวิทยาลัย เดินทางเข้าปารีสแสนสะดวก มีรถไฟมาก จาก La Défense มาถึง Chatelet ใช้เวลา 15 นาที
ข้อดีการอยู่นอกเมือง ประหยัดกว่า มีตัวเลือกเยอะกว่า สงบกว่า
แต่ก็อย่าเลือกจนไกลเกินตัวเพราะ ไหนจะเรียนยาก และ หนักถ้าต้องนั่งรถเป็น ชม เพื่อกลับบ้านและประหยัดขึ้นมาได้อีก 100 € ไม่ขอแนะนำ
ส่วนเขตที่ไม่แนะนำเลยคงจะเป็น 93 ทางเหนือ Saint Denis หลีกเลี่ยงได้ก็อย่าไปนะครับ มันไม่ได้อันตรายอะไรถึงขนาดนั้น แต่ระวังไว้นิดก็ดีกว่าเพราะ
เป็นการเช่าบ้านอยู่ร่วมกัน Collocation

เวปไซท์ดังสุดสำหรับการหาบ้านแบ่งกันอยู่ ในปารีส
http://www.colocation.fr/ มีฐานข้อมูลแบบ เสียเงิน ประมาณ 5€
http://paris.kijiji.fr/ / เวปประกาศฟรี
http://www.appartager.com / มีฐานข้อมูลแบบ เสียเงินดูได้ ประมาณ ราคาเริ่มต้นที่ 35€ และก็มีข้อมูลให้เลือกมากมายหมาศาล เลือกดูตรงหัวข้อ Colocation หรือ หาเช่าห้องพักแบบคนเดียวก็มี
ควรหลีกเลี่ยง พวกประกาศที่ดูน่าระแวง เช่น ชายหนุ่มหาคนมาอยู่ด้วย(เฉพาะหญิงสาวเท่านั้น) ราคาต่อรองกันได้ ... ถ้าเป็นผู้หญิงแนะนำให้หาเป็นcolocation กับผู้หญิงค้างไว้ก่อน ว่างแล้วจะกลับมาเขียนต่อบางสิ่งบางอย่างที่ควรรู้ก่อนจะเข้าอาศัยอยู่ที่พัก Etat de lieux = สถานะภาพ ของ ที่พัก

ข้อควรระวัง
ก่อนจะออกหรือเข้าก็จะต้อง เซ็นต์ชื่อเพื่อตรวจดู Etat de lieux มิเช่นนั้นจะไม่สามารถทำการเข้าอยู่ได้ ถ่ายรูปเก็บไว้จะเป็นการดียิ่ง และให้มีการเซ็ต์รับรอง กรอกรายละเอียดสภาพของที่ชำรุดหรือเก่าโทรม มากๆอย่าเข้าอยู่หรือเช่าก่อนโดยที่ไม่มีการตรวจสอบ และ เซ็นต์ Etat de lieuxอย่าตอกตะปู หรือ ทำรูบนผนัง คุณอาจจะต้องเสีย ค่าซ่อมแซมมากมาย บางรู ราคา 60 € ก็ยังมี (รูละ 3000 บาท ...) ถ้าอยากติดอะไร แนะนำให้ไปซื้อพวกดินน้ำมันที่มีขาย ต่างห้างร้านเครื่องเขียนมาติด อย่าทิ้งข้าวของที่ไม่ใช่ของเราที่มีอยู่ใน สถานที่พัก ถึงแม้มันจะเก่ามากแล้วก็ตาม ควรจะบอกกล่าว ขออนุญาติ เจ้าของผู้ให้เช่าก่อน
สิ่งที่เคยเห็นว่าโดนเอาเปรียบจากการตรวจสอบที่ไม่ดี ก็มีเช่น ก๊อกน้ำรั่วหรือกระเบื้องในห้องน้ำแตก ราคาสูงมากในการซ่อมแซม และถ้าเราไม่ได้ทำเสียอีก ...

การเดินทางในปารีส

RATP Transports en Ile de France

ราคาตั๋วเมโทรรายเดือน Zone Paris 1 - 2 : 53.50 € โดยปกติแล้วรถไฟรอบสุดท้ายจะหมดประมาณตี 1 (métro) ส่วน RER นั้นตอนเที่ยงคืนกว่าๆ ก็จะหมดแล้ว แต่ถ้าเป็นวัน เสาร์ & อาทิตย์ รถไฟจะวิ่งกันถึงตี 2 ครับ
ระบบขนส่งมวลชน ในปารีสนั้น สามารถ เดินทางได้โดย : รถ Bus โดยบางสายจะ วิ่งถึงแค่สามทุ่ม รถไฟใต้ดิน หรือ Metro รถไฟชานเมือง (วิ่งผ่าปารีส หรือ RER ) (วิ่งจากปารีส ไปชานเมือง หรือ ทรานซิเรี่ยน)โดยการ ระบบ การเดินทางในปารีส และชานเมือง นั้น จะแบ่งเป็น โซนๆ ประกอบด้วย โซน 1-2-3-4-5-...ราคาตั๋วแบ่งตามโซน และ ซื้อได้แบบ เป็นหนึ่งใบต่อการเดินทางหนึ่งครั้ง ไม่ก็ ตั๋วอาทิตย์ม ตั๋วเดือน
สิ่งที่ควรระวังในการเดินทาง
ควรระมัดระวังกระเป๋าตังค์หรือของมีค่า ยิ่งถ้าคุณๆ หน้าตาคล้ายจีน หรือญี่ปุ่นยิ่งต้องระวังให้มากกว่าเดิมพวกมิจฉาชีพพวกนี้ มีตั้งแต่เด็กเล็ก จนถึงวัยรุ่นเป็นส่วนมาก และ ทำงานกันเป็นทีม จะมักลอบขโมยในขณะที่ผู้ร่วมขโมยอีกคน ทำการเรียกร้องความสนใจของหายเมืองนี้ ไปแจ้งตำรวจ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น บางคนยังโดนตำรวจตอบกลับว่าทำไมไม่ระวัง ถ้าเป็นรถไฟที่วิ่งไปรอบนอกชานเมืองตอนกลางคืนให้ระวังเป็นพิเศษ และ ย่านที่ค่อนข้างหน้ากลัวจะอยู่ทางชานเมืองเหนือของปารีส เช่น St Denis

เว็บเกี่ยวกับการซื้อตั๋วเครื่องบิน
เที่ยวในเขตยุโรป
http://www.sncf.com/
http://www.easyvols.fr/

ไปลอนดอน อังกฤษกับ Euro Star
http://www.eurostar.com/

หาตั๋วเครื่องบิน กลับเมืองไทย
http://www.voldiscount.com/
http://www.opodo.fr/opodo/StrutsServlet/Home?locale=fr_FR
เช็คเวลาตั๋วถูก แบบ +-7วัน http://itasoftware.com/ ได้ยินมาว่าเป็นเวปที่ agency ใช้หาช่วงเวลาตั๋วถูก แล้วมาเสนอเรา แต่ไอเวปนี้มันจะจองเลยไม่ได้ มันเอาไว้เช็คเวลา อย่างเดียว โดยเข้าไปแล้วให้ไป ที่ Searche Airfares แล้วมันจะให้เรา login ให้เราเลือก login แบบ guest (อย่างที่บอกว่าเป็นเวป ที่ Travel Agency ใช้กัน).

เดินทางในปารีส

โดยรถยนต์
การใช้รถยนต์ส่วนตัวในนครหลวงแห่งนี้ไม่เป็นที่แนะนำอย่างยิ่ง นอกเสียจากในตอนกลางคืนซึ่งการจราจรสะดวกและลื่นไหลเหมาะสำหรับการขับรถชมปารีส ดังนั้นคุณควรเลือกเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ที่รวดเร็วกว่า
ขนส่งมวลชน
องค์การขนส่งมวลชนนครปารีสมีเครือข่ายรถไฟใต้ดินและรถเมล์ ซึ่งให้บริการขนส่งผู้โดยสารภายในนครปารีสและปริมณฑลอย่างทั่วถึง คุณสามารถขอแผนผังที่ตั้งสถานีต่างๆ (ทั้งรถไฟใต้ดิน รถเมล์ รถไฟด่วนพิเศษ) ได้ฟรีในสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่ง
เปิดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ratp.fr
ค่าโดยสาร
อัตราค่าตั๋วโดยสารจะแตกต่างกันไปตามเขตพื้นที่บริการ ซึ่งมีทั้งหมด 8 เขตตั๋วสำหรับเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน รถเมล์หรือรถไฟด่วนพิเศษเป็นตั๋วชนิดเดียวกันคุณสามารถขอแผนผังการแบ่งเขตพื้นที่บริการได้ฟรีในสถานีรถไฟใต้ดินทุกแห่ง
ตัวอย่างอัตราค่าโดยสาร- ตั๋วหนึ่งใบราคา 1.30 ยูโร- ตั๋วชุด 10 ใบ ราคา 9.30 ยูโร- ตั๋วพิเศษสำหรับ 1 วัน หรือ 5 วัน ใช้เดินทางได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวในทุกเขตพื้นที่บริการและสำหรับการเดินทางทุกประเภท (รถใต้ดิน รถเมล์และรถด่วนพิเศษ)
ราคาสำหรับเดินทางในเขต 1 ถึง 3 ราคา 8.35 ยูโร สำหรับตั๋ว 1 วัน และ 26.65 ยูโร สำหรับตั๋ว 5 วันสำหรับเดินทางในเขต 1 ถึง 5 ราคา 16.75 ยูโร สำหรับตั๋ว 1 วัน และ 45.70 ยูโร สำหรับตั๋ว 5 วันสำหรับเดินทางในเขต 1 ถึง 8 ราคา 23.60 ยูโร สำหรับตั๋ว 1 วัน และ 53.35 ยูโร สำหรับตั๋ว 5 วันและมีส่วนลดพิเศษสำหรับเด็กอายุระหว่าง 4 ถึง 11 ปีตั๋วพิเศษนี้ คุณอาจซื้อได้ในประเทศของคุณที่สำนักงานตัวแทนขายตั๋ว Rail Europe (ดูรายชื่อและที่อยู่สำนักงานทั่วโลกได้ที่ www.raileurope.fr )
รถใต้ดิน
เป็นวิธีการเดินทางในปารีสที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด รถใต้ดินมีให้บริการทั้งหมด 15 สาย และมีสถานีรับส่งผู้โดยสารประมาณ 300 สถานี วิ่งให้บริการตามปกติตั้งแต่เวลา 5.30 น. ถึง 0.30 น. ผู้โดยสารสามารถต่อรถไฟด่วนพิเศษหรือรถไฟระหว่างเมือง เพื่อไปยังเขตปริมณฑลของนครปารีสได้โดยสะดวก
รถไฟด่วนพิเศษ
รถไฟด่วนพิเศษทั้ง 5 สาย (A B C D และ E) แล่นเชื่อมเมืองต่างๆ ในเขตปริมณฑลของปารีส และไปยังหัวเมืองในแคว้น Ile-de-France โดยตัดผ่านนครปารีสและจอดรับผู้โดยสารที่สถานีเดียวกับรถใต้ดิน แต่คุณควรทราบว่าราคาค่าโดยสารรถไฟด่วนพิเศษที่อยู่นอกเขตนครปารีสจะสูงขึ้นตามระยะทาง ดังนั้นจึงควรสอบถามให้เรียบร้อยเสียก่อนที่สถานีต้นทาง
รถเมล์
ตามปกติรถเมล์ให้บริการตั้งแต่เวลา 5.30 น. ถึง 20.30 น. ส่วนตอนกลางคืนมีรถพิเศษวิ่งให้บริการจากย่านสำคัญๆ กลางเมืองปารีสอาทิเช่น จาก Place du Châtelet ไปยังชานเมือง
นอกจากนี้ยังมีรถโดยสาร Eurolines ให้บริการรับส่งผู้โดยสารระหว่างปารีสกับเมืองต่างๆ ทั้งในประเทศฝรั่งเศสและทั่วไปในทวีปยุโรป ติดต่อได้ที่
Gare Internationale de Paris Galliéni28, av. du Général de Gaulle93541 Bagnolet – Métro GalliéniTél. : 33 (0) 8 36 69 52 52www.eurolines.fr
รถแท็กซี่
ปารีสมีรถแท็กซี่ประมาณ 15,000 คันคอยให้บริการ คุณสามารถขึ้นรถแท็กซี่ได้ที่ป้ายซึ่งมีตัวอักษรคำว่า TAXI สีขาว บนพื้นสีฟ้า หรือบางครั้งก็อาจเรียกได้ตามท้องถนน (รถคันที่ว่างจะเปิดไฟที่ป้ายคำว่าแท็กซี่บนหลังคา และไฟหลอดเล็กๆ ใต้ป้ายนั้นดับอยู่)
บริษัทรถแท็กซี่ที่เรียกใช้บริการได้
Taxi G7 : 33 (0) 1 47 39 47 39Taxi Bleus : 08 91 70 10 10 (ค่าโทรศัพท์ 0.22 ยูโรต่อนาที)Aéro Taxi (เพื่อไปสนามบิน) : 33 (0) 1 47 39 01 4701 Taxi : 33 (0) 19 17 01 01Alpha Taxi : 33 (0) 1 45 85 85 85
รถจักรยานและสเก็ต
ปารีสได้จัดสรรพื้นที่สัญจรส่วนใหญ่ไว้ให้แก่พาหนะไร้เครื่องยนต์ โดยเพิ่มเส้นทางสำหรับรถจักรยานและทางวิ่งของนักสเก็ต ขยายช่องทางเดินรถประจำทาง (สำหรับรถเมล์และรถแท็กซี่) จัดให้มีถนนคนเดิน อีกทั้งประดับประดาไม้ดอกไม้ใบตามที่ต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณเส้นทางสัญจรหลักๆ นอกจากนี้ทุกวันอาทิตย์ถนนเลียบริมแม่น้ำแซนทุกแห่งยังจัดให้เป็นถนนคนเดินหรือสงวนไว้ให้กับผู้ใช้รถจักรยานและสเก็ต (ยกเว้นในกรณีพิเศษหรือ... และแน่นอนที่สุด ในยามน้ำท่วม)

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อาหารจานเด็ดในประเทศฝรั่งเศส

อาหารจาดเด็ดในประเทศฝรั่งเศส
หากไปถึงฝรั่งเศสอย่าลืมลิ้มลองอาหารขึ้นชื่อเหล่านี้

1. Fruits de mer คืออาหารทะเลสดๆ ประกอบด้วยกุ้ง หอย และปูหลากชนิดลวกพอสุก จัดวางบนน้ำแข็งเกล็ดในถาดใบโต รับประทานโดยการบีบมะนาว และจิ้มน้ำส้มสายชูใส่หัวหอมซอย ถ้าจะให้ดีต้องกลั้วคอด้วยไวน์ขาว และแนมให้หนักท้องด้วยข้าวไรย์ทาเนย อาหารจานนี้เป็นอาหารเมืองชายทะเลภาคตะวันตก
2. Cog au vin หรือ ไก่อบซอสไวน์แดงใส่หอม และเห็ดดุม เป็นอาหารที่ภัตตาคารแทบทุกแห่งจะต้องบรรจุไว้ในเมนู

3. Soupe a l' oignon หรือซุบหัวหอม เป็นอาหารที่สำคัญอีกจานหนึ่ง หอมหัวใหญ่จะถูกหั่นเป็นเส้นบางๆ เคี่ยวจนเกือบเละในน้ำซุปรสเข้ม เมื่อจะเสิร์ฟ จึงลอยขนมปังที่อบร้อนโดยมีเนยแข็งวางอยู่ข้างบน
4. Escargots a la Bourguignonne หอยทากเอสคาร์โกอบจนสุก พอออกจากเตาร้อนๆก็เอาเนยสดที่ผสมเครื่องเทศใส่ลงไปจนเต็มปากหอย รับประทานเรียกน้ำย่อย

5. Pate de foie gras ตับบดปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ทำจากตับห่านหรือตับเป็ด หากไม่บดก็อาจเป็นชิ้นๆ ปรุงด้วยเหล้าบรั่นดี


ขนมปัง

ขนมปังของฝรั่งเศสที่เรียกว่า บาแกตต์ (Baquette) มีเอกลักษณ์พิเศษกว่าใคร ด้วยการทำเป็นทรงยาวกว่า 2 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 นิ้ว เวลาทานมักบิออกด้วยมือ หรือฝานออกเป็นชิ้นๆ อีกชนิดที่นิยมคือ ครัวซอง

ขนมหวาน

ขนมหวานที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่

1. เครป (Crepe) เป็นเสมือนอาหารว่างมากกว่า พบเห็นทั่วไป ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ เครปซูเซตต์ หรือเครปน้ำตาลใส่น้ำส้มและเหล้า

2. มารองกลาสเซ่ (Marron Glace) หรือเกาลัดเชื่อมหวานสนิม ร้านที่ขายที่ขึ้นชื่อ คือร้าน Faucho

3. เอแคลร์ (Eclair) ขนมอบใส่ใส้ครีม

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

10 สถานที่ท่องเที่ยวในปารีส

10 สถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนปารีส
1. การนั่งรถทัวร์ชมกรุง (Double Decker Bus Tour)
การนั่งรถทัวร์ชมกรุงเป็นสิ่งที่คุณควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่มาปารีสเป็นครั้งแรก เพราะที่นี่จะมีรถทัวร์ที่เรียกกันว่า L'Open ทัวร์ ซึ่งเป็นรถทัวร์ที่มีดาดฟ้าอยู่ข้างบน เพื่อให้คุณได้ชมเมืองปารีสอย่างไม่มีอะไรบดบังสายตาเลย นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋ววันเดียวหรือสองวันก็ได้ สำหรับการนั่งรถชมเมืองใน 4 เส้นทาง โดยทันทีที่คุณซื้อตั๋วแล้ว ทางรถทัวร์จะมีชุดหูฟังให้คุณ เพื่อใช้ในการเสียบต่อกับแจ็คที่อยู่บริเวณด้านข้างของเบาะที่นั่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถฟังบรรยายไปตลอดการเดินทาง โดยเลือกฟังได้ถึง 8 ภาษา คือ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอิตาลี ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ภาษารัวเซีย และภาษาจีน
สำหรับเคล็ดลับในการนั่งรถทัวร์ชมกรุงปารีสนั้น แนะนำให้คุณลองใช้บริการในวันธรรมดาหรือเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์จะดีที่สุด เพราะหากใช้บริการในช่วงเวลาอื่นคนจะแน่นมาก และคุณอาจจะได้ยืนในห้องยืนที่จัดไว้รองรับเวลาที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ หากคุณใช้บริการช่วงคนน้อย คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแจ็กหูฟังของคุณได้ในกรณีที่ใช้หูฟังต่อกับแจ็กบางตัวไม่ได้อีกด้วย
2. ชมทิวทัศน์จากด้านบนของหอไอเฟล (Eiffel Tower)
หอไอเฟลไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีสเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสด้วย ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ได้ไปเยือนหอไอเฟล ถือว่าไปไม่ถึงฝรั่งเศสเลยทีเดียว ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 60 ล้านคน ไปเยือนหอไอเฟล โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทัศนียภาพรอบกรุงปารีสได้ เพียงแค่ซื้อบัตรที่บูธซึ่งอยู่บริเวณฐานของหอไอเฟล แล้วขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นต่าง ๆ ของหอไอเฟล
และด้วยความที่หอไอเฟลมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก (โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน) แนะนำให้คุณไปเที่ยวชมช่วงเช้าหรือหลัง 6 โมงเย็น หรือในวันธรรมดา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอคิวเป็นเวลานาน

3. ล่องเรือในแม่น้ำเซน ชมพระอาทิตย์ตกดิน (Sunset River Cruise on the Seine)
การล่องเรือในยามใกล้ค่ำเป็นทางเลือกที่ดีมาก หากคุณอยากจะชมทิวทัศน์ยามราตรีของกรุงปารีส โดยเรือจะล่องจากหอไอเฟล ผ่านสถานที่ที่น่าสนใจสองฝั่งแม่น้ำเซน รวมถึงผ่านโบสถ์นอทเทอร์ดัมด้วย
สำหรับเคล็ดลับของการนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกดินนั้น แนะนำให้คุณไปก่อนเวลาขายตั๋ว เพื่อที่จะได้เลือกที่นั่งหลังก่อนนักท่องเที่ยวคนอื่น ซึ่งที่นั่งด้านหลังสุดนี้จะเป็นบริเวณที่ไม่มีหลังคา ไม่ล้อมด้วยกระจก และบริเวณนี้คือจุดที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพสวย ๆ ของเมืองปารีสยามพระอาทิตย์ตก

4. โบสถ์นอทเทอร์ดัม (Notre Dame Cathedral) โบสถ์นอทเทอร์ดัมเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงปารีส เพราะเป็นสถานที่ที่อยู่คู่กับเมืองปารีสมาช้านาน และมีชื่อเสียงด้านความใหญ่โตหรูหรา มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก โดยการเที่ยวชมนั้นนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความอลังการของโบสถ์นอทเทอร์ดัม อีกทั้งยังต้องขึ้นบันได 387 ขั้นเพื่อไปถึงยอดของโบสถ ส่วนเคล็ดลับในการชมโบสถ์นอทเทอร์ดัมนั้น แนะนำให้คุณไปเยี่ยมชมช่วงเช้า เพราะดวงอาทิตย์จะส่องกระทบกับซุ้มประตูทางทิศตะวันตกของโบสถ์ มองดูแล้วเหมือนเป็นประกายเพชรที่ระยิบระยับจับตา เพิ่มความหรูหราให้กับโบสถ์ได้เยอะเลยทีเดียว

5. โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ (Sainte Chapelle)
ถัดจากโบสถ์นอทเทอร์ดัม มีโบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ ซึ่งเป็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปารีส สร้างในสไตล์กอธิค มีการประดัประดาด้วยกระจกสวยงามมากมาย จนนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมต่างยอมรับว่ากระจกที่ใช้ตกแต่งโบสถ์มีความงดงามที่สุด ยิ่งเมื่อแสงจากภายนอกส่องเข้ามา ยิ่งทำให้มองเห็นลายกระจกชัดเจนและสวยงามมาก
สำหรับคำแนะนำในการเยี่ยมชม ควรเยี่ยมชมช่วงเช้าดีที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะ หากไปช่วงอื่นต้องรอคิวเยี่ยมชม เพราะโบสถ์แซงต์ ชาแปลล์เป็นโบสถ์ขนาดเล็กมาก
6. ถนนฌ็องเซลิเซ่ และประตูชัยนโปเลียน (Champs Elysees & Arc de Triomphe)
ถนนฌ็องเซลิเซ่ เป็นถนนที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงปารีส นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามถนนสายนี้ไปสู่ประตูชัยนโปเลียน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส และที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมชั้นบนของประตูชัยได้ โดยเดินขั้นบันได 284 ขั้น หรือใช้ลิฟต์


7. เลแซงวาลิด (Les Invalides (Napoleon's Tomb))
เลแซงวาลิด เป็นอาคารที่ฝังพระศพของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ซึ่งมีศพนายพลพระสหายของพระเจ้านโปเลียนอีกหลายคนฝังอยู่ด้วย ตัวอาคารมีโดมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโดมที่สวยงามที่สุดในกรุงปารีส นอกจากนี้ ยังมีศิลปะมากมายจัดแสดงอยู่ในนั้นอีกด้วย

8. พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ (Musee d'Orsay)
พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปะหลายอย่างเข้าด้วยกัน อันได้แก่ ศิลปะด้านการออกแบบสิ่งทอ ศิลปะทางประวัติศาสตร์ ภาพถ่าย ประติมากรรม ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของปารีสออกมาได้เด่นชัดเลยทีเดียว
สำหรับเคล็ดลับในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ ควรใช้เวลามากหน่อยเพื่อศึกษาศิลปะต่าง ๆ ที่จัดแสดงอยู่ทั้ง 3 ชั้นของพิพิธภัณฑ์ และที่ไม่ควรพลาดคือ ร้านอาหารที่มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเซนได้อย่างเต็ม ๆ ตา


9. พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (The Louvre)
เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อน จัดแสดงศิลปะที่มีคุณค่าระดับโลกมากมาย เช่น ภาพเขียนโมนาลิซ่า ผลงานของต่าง ๆ ของเลโอนาร์โด ดาวินซีแลอเล็กซานดรอส นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดในกรุงปารีส ดังนั้น คุณจึงไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้

10. มงต์มาร์ทร์ (Montmarte & Sacre Couer Basilica)
มงต์มาร์ทร์เป็นหุบเขาสูง 130 เมตร ทางเหนือของปารีสและเป็นจุดที่สูงที่สุดของเมือง บนเขาเป็นที่ตั้งของโบสถ์ซาเครเกอร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ชาวฝรั่งเศส ที่เสียชีวิตจากสงครามกับปรัสเซีย ออกแบบตามแบบศิลปะสไตล์โรมัน - ไบเซนไทน์ ซึ่งมีความอลังการและงดงามมาก