วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาปารีส

สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาปารีส กิน เที่ยว ชอป ที่ไหนดี???

แหล่งเที่ยวน่าสนใจ
หอ Eiffel (ไอเฟล)
สัญลักษณ์ของปารีสที่ชาวฝรั่งเศสเขาภูมิใจนักหนา แต่กว่าที่เขาจะภูมิใจกันได้ขนาดนี้
เจ้าหอสูงก็โดนดูแคลนมาไม่น้อยเลย หาว่าหน้าตาอัปลักษณ์บ้างละ ว่าแปลกแตกต่างจากสิ่งก่อสร้างอื่นๆ บ้างละ
โบสถ์ Notre Dame (นอเตรอดาม)
โบสถ์คู่บ้านคู่เมืองอันงดงาม ที่ในอดีตใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญอย่างพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวเนต ซึ่งถ้าใครเคยดูภาพยนตร์การ์ตูน คนค่อมแห่งนอเตรอดาม จะเห็นว่าโบสถ์ที่เห็นก็คือโบสถ์นี้นี่เอง
โบสถ์ Basilique du Sacre Coeur (บาสิลิก ดู ซาเครเกอร์)
โบสถ์สีขาวที่ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา ซึ่งให้เราสามารถชมวิวเมืองปารีสได้แบบพาโนรามาเลย แต่ถ้าจะให้ดีต้อง

ไปชมตอนกลางคืน รับรองว่าได้บรรยากาศสุดๆ


พิพิธภัณฑ์ Louvre (ลูฟร์)
สถานที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ที่คุณพี่ แดน บราวน์ เขาช่วยโปรโมตด้วยหนังสือดาวินชีโค้ดให้ Louvre โด่งดังขึ้นอีกหลายเท่า ใครที่ไม่ได้มาเที่ยวชมที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงปารีส
Chateau de Versailles
หรือที่รู้จักกันในชื่อพระราชวังแวร์ซายส์
สถานที่อีกแห่งที่ต้องไปชมให้ได้ เพราะในชั่วชีวิตหนึ่ง จะมีสักกี่ครั้งกันเชียวที่เราจะได้เข้าชมพระราชวังอันงดงามตระการตาและมีชื่อเสียงโด่งดังแบบพระราชวังแวร์ซายส์
แล้วเราจะรู้ว่าที่เขาพูดกันว่าตกแต่งบ้านสไตล์หลุยส์นั้น แท้จริงแล้วมันเป็นยังไประตูชัยแห่งฝรั่งเศสในเมืองปารีสจะมีประตูชัย 3 แห่งด้วยกัน คือ Carrousel ประตูชัยที่เล็กที่สุดในบรรดาประตูชัยทั้งสาม, ประตูชัย Arc de Triomphe หรือประตูชัยใหญ่ และประตูชัย The Grande Arche de la Defense หรือประตูชัยใหม่ที่สร้างขึ้นสไตล์โมเดิร์น แต่ไม่จะว่าเป็นที่ไหนก็ตาม ส่วนมากก็สร้างขึ้นเพื่อเหตุผลหลักเพียงประการเดียวคือ ประกาศความยิ่งใหญ่แห่งชัยชนะนั่นเอง!!

แหล่งชอปเด็ดๆ
จบเรื่องเที่ยวไปแล้ว ก็มาถึงแหล่งชอปปิ้งซึ่งระหว่างเดินชอปจะมองหาของฝากไปด้วยก็ได้ โดยของฝากยอดนิยมประเภทพวงกุญแจรูปหอ Eiffel นั้น หาได้ง่ายตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ อย่างบริเวณหอ Eiffel พิพิธภัณฑ์ Louvreหรือจะเป็นย่าน Montmartr (มงมาร์ต) ก็มี แต่ถ้าอยากได้ของฝากแบบเฉพาะเจาะจงก็คงต้องตรงไปยังห้างสรรพสินค้าอย่างเดียว เช่น พวกน้ำหอมแบรนด์ของฝรั่งเศส หรือเครื่องสำอาง
ซึ่งจะมีให้เลือกเยอะมาก
ถนน Champs Elysees (ชองป์เซลิเซ่)
แหล่งชอปที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง จนปัจจุบันกลายเป็นถนนชอปปิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกไปแล้ว ด้วยความยาวกว่า 2 กิโลเมตรนี้ รับรองว่าจะทำให้ขาชอปแทบละลายทีเดียว แต่อย่ามัวแต่เล็งร้านค้าแบรนด์เนม จนเกือบลืมมองอย่างอื่นนะคะ เพราะถนนสายนี้ยังมีโรงหนัง ร้านอาหาร และคาเฟ่ให้แวะพักอีกด้วย

ห้างสรรพสินค้าไฮโซ
ที่ด้านหลังโรงละคร Opera จะเป็นสถานที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าไฮโซชื่อดังอย่าง
Geleries Lafayette ที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายรู้จักกันดี เพราะนอกจากมีสินค้าแบรนด์ดังยกขบวนมาอยู่ที่นี่กันมากมายแล้ว ยังมียอดโดมที่สวยงามอยู่ภายในอีกด้วย อีกทั้งห้างสรรพสินค้า Printemps ที่อยู่ติดๆ กันก็ไม่ต่างกันมากนัก
ย่าน Les Halles (เล อาลส์)
แต่ถ้าอยากลองไปบริเวณที่วัยรุ่นปารีสนิยมไปรวมตัวกัน คล้ายสยามเซ็นเตอร์บ้านเราก็ต้องไปชอปย่าน Les Halles (เล อาลส์) ถนนสองข้างทางในย่านนี้จะมีร้านค้าเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ และแบรนด์ส่วนตัวของดีไซเนอร์อีกหลากหลาย

อาหารที่ต้องลอง
จากเรื่องเที่ยว เรื่องชอป ทีนี้ก็มาถึงเรื่องกินกันบ้าง อาหารที่ปารีสนั้นมีหลายอย่างที่ชวนชิม อย่างตับห่านหรือตับเป็ดบด, ขนมปังอบชีส, หอยนางรมสด ฯลฯ ก็ด้วยกลิ่นหอมอันเย้ายวนและรสชาติของเครื่องเทศ นอกจากนี้สเต๊กเนื้อดิบ หรือสเต๊กทาร์ท่าร์เป็นหน้าตาเนื้อดิบๆ คนที่นี่ก็นิยมทานมากทีเดียว เวลาคิดไม่ออกก็ต้องสเต๊กทาร์ท่าร์ไว้ก่อน

มัคคุเทศก์

นิยามอาชีพ ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ทำหน้าที่ในการนำนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทาง เดินทางท่องเที่ยวทัศนาจรตามสถานที่ต่างๆ ตามแผนการทัศนาจรหรือตามโครงการนำเที่ยวของบริษัทจัดการนำเที่ยว หรือตามความต้องการของนักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางในการให้ความรู้แก่นักท่วงเที่ยวด้วยการอธิบาย และบรรยายถึงสภาพและสถานที่เที่ยวที่สำคัญด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจ

ลักษณะของงานที่ทำ ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ จะต้องศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นำเที่ยว รวมทั้งความรู้ด้าน ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จารีตประเพณี วัฒนธรรม วางแผนกำหนดเส้นทาง จัดกำหนดการนำเที่ยวให้เหมาะสมกับฤดูกาล และระยะเวลาติดต่อสถานที่พักแรม หรือเตรียมอุปกรณ์เพื่อการพักแรมในสถานที่ที่จะนำเที่ยว นำนักท่องเที่ยวชมสถานที่และบรรยายให้นักท่องเที่ยวได้ทราบความเป็นมาของสถานที่ และท้องถิ่น แหล่งธรรมชาติที่น่าชม และน่าสนใจ ภูมิประเทศ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม จารีตประเพณี ความเป็นอยู่ของประชาชนจัดการพักแรม และดูแลให้ความสะดวกสบาย ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวในระหว่างการนำเที่ยว โดยพยายามจัดการให้บริการที่ต้องสร้างความพอใจและประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนอย่างทั่วถึงและต้องมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพ

อาชีพมัคคุเทศก์ จัดแบ่งออกเป็นกลุ่มตามกลุ่มของนักท่องเที่ยว คือมัคคุเทศก์พาเที่ยวภายในประเทศ (Domestic) มัคคุเทศก์ท้องถิ่นและมัคคุเทศก์นำเที่ยวชาวต่างประเทศ (Inbound) นอกจากนี้ยังแบ่งกลุ่มมัคคุเทศก์ตามลักษณะของการท่องเที่ยว เช่นมัคคุเทศก์เดินป่า มัคคุเทศก์ทางทะเล มัคคุเทศก์ศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น สภาพการจ้างงาน ผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ได้รับค่าตอบแทนการทำงานเป็นเงินเดือนประจำหรือค่าจ้างเป็นเที่ยวในการพานักท่องเที่ยวออกไปท่องเที่ยว ซึ่งจะคิดค่าจ้างเป็นรายวันเฉลี่ยประมาณวันละ 1,500-3,000 บาทและอาจจะได้รับค่าตอบแทนถึง 100,000 บาทเป็นค่านายหน้าจากบริษัท หรือร้านที่นักทัศนาจรมา ซื้อของที่ระลึกหรือเข้าชมการแสดงในสถานที่ท่องเที่ยว ตามที่แต่ละแห่งได้ตั้งค่านายหน้าไว้ผู้ทำงานมัคคุเทศก์มีกำหนดเวลาทำงานที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับโครงการและแผนการนำเที่ยว ซึ่งกำหนดไว้ในแต่ละรายการ ผู้ปฏิบัติงานนี้จะต้องผ่านการอบรมวิชาชีพมัคคุเทศก์และมีความรู้ภาษาต่างประเทศซึ่งสามารถใช้งานได้ดี สภาพการทำงาน มัคคุเทศก์ จะทำงานตามช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนการนำเที่ยวมีระยะเวลาตั้งแต่ 1วัน ถึงสามหรือสี่สัปดาห์ และในขณะพานักท่องเที่ยวทัศนาจรต้องดูแลนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง นำนักทัศนาจร หรือนักท่องเที่ยว ตั้งแต่คนเดียวจนถึงเป็นกลุ่ม หรือกลุ่มใหญ่ไปชมสถานที่ต่างๆ ทั้งในเมืองและต่างจังหวัดตามที่กำหนดไว้ในแผนการนำเที่ยว การเดินทางอาจจะมีทั้งระยะใกล้ ไกล อาจใช้ยานพาหนะทุกประเภท อาจต้องนำเที่ยวในลักษณะผจญภัย อย่างเช่น ทัวร์ป่า การเดินขึ้นเขา การล่องแพ การค้างแรมร่วมกับกลุ่มชนชาวพื้นเมืองขึ้นอยู่กับแผนการนำเที่ยว และรูปแบบของการท่องเที่ยว มัคคุเทศก์จะต้องวางแผนติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบริการ การอำนวยความสะดวกและการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดเส้นทาง รวมไปถึงการให้ข้อมูลที่จำเป็นและให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยวในการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของการท่องเที่ยว ตลอดจนตอบข้อซักถามให้คำแนะนำในระหว่างการเดินทางรวมทั้งต้องทำ กิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ร่วมเดินทางทุกคนได้รับความสนุกสนาน ประทับใจ ในบางครั้งอาจจะต้องจัด กิจกรรม หรือให้บริการที่สร้างความพอใจให้กับนักท่องเที่ยวตามจุดประสงค์ที่นักท่องเที่ยวต้องการภายในระยะเวลาที่กำหนด และพร้อมที่จะแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวได้ ตลอด 24 ชั่วโมง บางครั้งมัคคุเทศก์จะต้องทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันต้องใช้ความอดทนและอดกลั้นสูง ดังนั้น ความพร้อม และความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจจึงมีความสำคัญมาก เพราะนักท่องเที่ยว มีอัธยาศัย และพื้นฐานความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป เมื่อมารวมกลุ่มกันจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างบรรยากาศให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี อีกทั้งได้รับความสุข ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินด้วยมัคคุเทศก์จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของท้องถิ่น และประเทศนั้น ๆ

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพนี้ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. พูดภาษาต่างประเทศได้อย่างน้อย คือ ภาษาอังกฤษ
2. มีความรู้ทั่วไป และเป็นผู้ที่ขวนขวายหาความรู้สม่ำเสมอ
3. รักการเดินทางท่องเที่ยว และงานบริการ ปรับตัวได้ และเป็นนักแก้ไขปัญหาได้ดีในทุกสถานการณ์
4. มีความยืดหยุ่น ประนีประนอม และมีลักษณะอบอุ่นโอบอ้อมอารีเป็นที่ไว้วางใจของ ผู้เดินทางร่วมไปด้วย 5. มีความเป็นผู้นำ มีความกล้า มีความรอบคอบและไม่ประมาท
6. มีทัศนะคติดี ร่าเริง มีความเสียสละซื่อสัตย์ ซื่อตรง และอดทน
7. สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีไหวพริบและปฏิภาณดี
8. มีความคิดสร้างสรรค์ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
9. เป็นนักสื่อสารที่ดี รักการอธิบาย และการบรรยายความรู้ต่าง ๆ
10. เป็นนักจัดเก็บข้อมูลที่ดีทั้งข้อมูลการท่องเที่ยว ความนิยมของลูกค้าและรายชื่อลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว

ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ :
มัคคุเทศก์ท้องถิ่น เป็นผู้ที่มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป หรือเทียบเท่า และได้รัการอบรม เพิ่มเติม เพื่อรับวุฒิบัตรพัฒนาฝีมือแรงงาน(วพร.) เป็นเวลา 320ชั่วโมง หรือ 40 วัน มัคคุเทศก์ภายในประเทศ และมัคคุเทศก์นำเที่ยวชาวต่างประเทศเป็นผู้มีพื้นฐานการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขึ้นไปต้องเข้ารับการอบรมและมีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จากสถาบันที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้การรับรองหรือ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะ หรือสาขาวิชาธุรกิจ การท่องเที่ยว

ประเภทของมัคคุเทศก์

มัคคุเทศก์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

ก. มัคคุเทศก์ทั่วไป มี 2 ชนิด คือ
1. มัคคุเทศก์ทั่วไป (ต่างประเทศ) บัตรสีบรอนซ์เงิน นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยว ชาวไทย หรือ ชาวต่างประเทศสามารถนำเที่ยวได้ ทั่วราชอาณาจักร
2. มัคคุเทศก์ทั่วไป (ไทย) บัตรสีบรอนซ์ทอง นำเที่ยวได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถนำเที่ยวได้ทั่วราชอาณาจักร

ข. มัคคุเทศก์เฉพาะมี 8 ชนิด คือ
1. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ต่างประเทศ – เฉพาะพื้นที่) บัตรสีชมพู นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือ ชาวต่างประเทศเฉพาะจังหวัด ที่ระบุไว้บนบัตร และจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อ
2. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ไทย – เฉพาะพื้นที่) บัตรสีฟ้า นำเที่ยวเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทย เฉพาะจังหวัดที่ระบุไว้บนบัตร และจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อ
3. มัคคุเทศก์เฉพาะ (เดินป่า) บัตรสีเขียว นำเที่ยวได้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือ ชาวต่างประเทศในเขตพื้นที่ป่า
4. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ศิลป – วัฒนธรรม) บัตรสีแดง นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือ ชาวต่างประเทศทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลป – วัฒนธรรม วรรณคดีไทย ได้ทั่วราชอาณาจักร
5. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ทางทะเล) บัตรสีส้ม นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือ ชาวต่างประเทศ ในเขตพื้นที่ทางทะเล
6. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ทะเลชายฝั่ง) บัตรสีเหลือง นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือ ชาวต่างประเทศ ในเขตพื้นที่ทางทะเล หรือ เกาะต่าง ๆ โดยมีระยะห่างจากชายฝั่งถึงสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 40 ไมล์ทะเล
7. มัคคุเทศก์เฉพาะ (แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ) บัตรสีม่วง นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือชาวต่างประเทศ เฉพาะภายในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่ระบุชื่อไวบนบัตร
8. มัคคุเทศก์เฉพาะ (วัฒนธรรมท้องถิ่น) บัตรสีน้ำตาล นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือ ชาวต่างประเทศทางด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น เกี่ยวกับศิลป – วัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โบราณคดี เฉพาะภายในแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมท้องถิ่นที่ระบุชื่อไว้ในบัตรเท่านั้น

การเป็นมัคคุเทศก์จะต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ทางราชการกำหนด ซึ่งหลักสูตรแต่ละประเภทของบัตรมัคคุเทศก์จะกำหนดวุฒิการศึกษาไว้ต่าง ๆ กัน แต่คุณสมบัติสำคัญ คือ ต้องเป็นคนสัญชาติไทย และอายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยได้เป็นอย่างดี

พระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยทั่วไปจะให้ความสำคัญแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะอาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยเท่านั้น และป้องกันการประกอบการนำเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ และมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า1. ห้ามจัดนำเที่ยวโดยไม่มีใบอนุญาต หรือ ประกอบการในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต2. ห้ามทำหน้าที่มัคคุเทศก์ โดยไม่มีใบอนุญาต หรือ ปฏิบัติงานระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาต3. จะต้องไม่ปฏิบัติผิดกฎเกณฑ์อื่น ๆ ที่วางไว้ เช่น จ้างมัคคุเทศก์ไม่ตรงประเภท, เป็นมัคคุเทศก์แต่ไม่ติดบัตรขณะปฏิบัติหน้าที่, แต่งกายไม่สุภาพ, ประพฤติผิดจรรยาบรรณ อื่น ๆ ฯลฯ4. ใบอนุญาตของผู้ประกอบการนำเที่ยวต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผยให้บุคคลทั่วไปเห็นได้ชัด

หลักฐานประกอบการขอใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์

หลักฐานประกอบการขอใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์

กรณีที่ 1 กรณีที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตมีชื่อตามทะเบียนบ้าน
ที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบของสำนักงานทะเบียนฯ ต่าง ๆ

การยื่นขอใบอนุญาตต้องใช้หลักฐานดังนี้
1.บัตรประจำตัวประชาชนหรือใบเหลืองหรือบัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนได้ พร้อมสำเนาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 1 ชุด (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
2. ทะเบียนบ้านที่มีชื่อผู้ยื่นคำขออยู่ด้วย พร้อมสำเนาหน้าที่มีบ้านเลขที่และหน้าที่มีชื่อผู้ยื่นคำขอ 1 ชุด (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
3. รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 3 รูป
4. วุฒิบัตรหรือหนังสือรับรอง (ที่ ททท.ออกให้เนื่องจากวุฒิบัตรฉบับจริงหาย) ว่าได้ผ่านการอบรมวิชามัคคุเทศก์พร้อมสำเนาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 1 ชุด (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
5. ใบรับรองแพทย์ ไม่เกิน 1 เดือน (นับจากวันตรวจร่างกายถึงวันยื่นคำขอ) จำนวน 1 ฉบับ

กรณีที่ 2 กรณีที่ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตมีชื่อตามทะเยียนบ้าน อยู่นอกเขตความรับผิดชอบของสำนักงานทะเบียนฯ ที่จะยื่นขอใบอนุญาตและประสงค์จะใช้ที่อยู่ตามภูมิลำเนาเฉพาะการที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของสำนักงานทะเบียนฯ ต่าง ๆ

การยื่นขอใบอนุญาตต้องใช้หลักฐานตามกรณีที่ 1 ทั้ง 5 ข้อ รวมทั้ง
6.สำเนาทะเบียนบ้านตามภูมิลำเนาเฉพาะการที่อยู่ในเขตความรับผิดชอบของสำนักงานทะเบียนฯ ต่าง ๆ ที่จะยื่นคำขอโดยให้เจ้าบ้านเป็นผู้รับรอง จำนวน 1 ชุด ถ่ายสำเนาหน้าที่มีบ้านเลขที่และหน้าที่มีชื่อเจ้าบ้าน (ให้เจ้าบ้านลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)

กรณีที่ 3 กรณีที่เคยมีใบอนุญาตแล้ว ต่ออายุใบอนุญาตไม่ทันภายในกำหนด (ก่อนใบอนุญาตหมดอายุ 120 วัน) และใบอนุญาตหมดอายุแล้ว ไม่เกิน 15 วัน

การยื่นขอใบอนุญาตต้องใช้หลักฐาน ดังนี้
1.บัตรประจำตัวประชาชนหรือใบเหลืองหรือบัตรอื่นที่ใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนได้ พร้อมสำเนาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 1 ชุด (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
2.ทะเบียนบ้านที่มีชื่อผู้ยื่นคำขออยู่ด้วย พร้อมสำเนาหน้าที่มีบ้านเลขที่และหน้าที่มีชื่อผู้ยื่นคำขอ 1 ชุด (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
3.รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวกและแว่นตาดำ ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 3 รูป
4.วุฒิบัตรหรือหนังสือรับรอง (ที่ ททท.ออกให้เนื่องจากวุฒิบัตรฉบับจริงหาย)ว่าได้ผ่านการอบรมวิชามัคคุเทศก์พร้อมสำเนาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 1 ชุด (ลงชื่อรับรองสำเนาถูกต้องด้วย)
5. ใบรับรองแพทย์ ไม่เกิน 1 เดือน (นับจากวันตรวจร่างกายถึงวันยื่นคำขอ)จำนวน 1 ฉบับ
6. ใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ (บัตรมัคคุเทศก์) ใบเก่าหรือใบแจ้งความจากสถานี ตำรวจ (กรณีที่บัตรมัคคุเทศก์หาย)

คุณสมบัติของมัคคุเทศก์

คุณสมบัติของมัคคุเทศก์อาชีพ
ประการแรก ต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ซึ่งสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เป็นผู้ออกให้ ปกติจะมีอายุ 2 ปี นับจากวันที่ออก มีค่าธรรมเนียมฉบับละ 200 บาท (หลังมีนาคม 2551 ค่าธรรมเนียมจะขึ้นเป็น 1,500 บาท ตามประกาศของ พรบ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑)

คุณสมบัติมัคคุเทศก์ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา 39
ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นมัคคุเทศก์ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จากนายทะเบียน
การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 40 ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(3) เป็นผู้ที่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสือรับรองว่าได้ผ่านการอบรมวิชามัคคุเทศก์ตามหลักสูตรที่คณะกรรมการรับรอง
(4) ไม่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นโรคติดต่อที่คณะกรรมการกำหนด
(5) ไม่เป็นผู้วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
(6) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(7) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างสั่งพักใช้ใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์
(8) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ แต่ถ้าเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต ต้องถูกเพิกถอนมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี

จาก พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา 39
ระบุไว้ชัดเจนครับว่าอาชีพมัคคุเทศก์ต้องมีใบอนุญาต เราจึงเห็นมัคคุเทศก์สวมบัตรอันเป็นสัญญลักษณ์การได้รับอนุญาตดังกล่าว(บัตรไกด์) ห้อยคอระหว่างปฎิบัติหน้าที่ทุกครั้ง จาก พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา 40 (1) จะได้ความภูมิใจว่า มัคคุเทศก์เป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น ต่างชาติจะมาแย่งทำอาชีพนี้เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย และจาก พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา 40 (3) จะได้ความรู้ว่า มัคคุเทศก์เป็นอาชีพที่ต้องผ่านการฝึกอบรม

ประการที่สอง ต้องเป็นผู้รู้จริง เพื่อจะได้ตอบคำถามได้ด้วยความมั่นใจ และใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ ยกตัวอย่าง เช่น
* รู้เกี่ยวกับสถานที่นำเที่ยว รู้ทั้งประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โบราณคดี สังคม ศาสนา ศิลปะ วรรณคดี วัฒนธรรมประเพณี อาหารการกิน นิทานพื้นบ้าน ฯลฯ
* รู้เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ที่พัก, ร้านอาหาร, การเดินทางด้วยพาหนะต่าง ๆ, ระบบตั๋วเครื่องบิน, ระบบรักษาความปลอดภัย
* รู้เกี่ยวกับกฎหมายและกฎระเบียบ เช่น พิธีการตรวจคนเข้าเมือง, ระเบียบการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ
* รู้ข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว เช่น ภาษาประจำชาติ ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวชาตินั้น ๆ
* ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือต้องรู้หน้าที่ของมัคคุเทศก์ด้วย เช่น มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา มีความเสมอภาคและยุติธรรม

ประการที่สาม ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รวมทั้งต้องมีศิลปะในการพูด สามารถอธิบายและให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวได้

ประการที่สี่ ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รู้จักสร้างบรรยากาศความเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยว ใส่ใจให้เกียรติแก่นักท่องเที่ยวทุกคนเท่าเทียมกัน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
ยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง

ประการที่ห้า มีบุคลิกภาพดี กิริยามารยาทสุภาพ แต่งกายได้เหมาะสมกับสถานที่และกาลเทศะ รู้ว่าเมื่อไรควรพูด เมื่อไรควรเงียบ
จำไว้เลยว่ามัคคุเทศก์คือฑูตวัฒนธรรม คิดถึงภาพลักษณ์ของประเทศชาติให้มาก ๆ

ประการที่หก ต้องมีคุณธรรม ทั้งความซื่อสัตย์สุจริต ความมีน้ำใจ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ วงการนี้มีโอกาสที่จะฉกฉวยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวในทางที่ผิด มาก ๆ
ดังนั้นคำว่าไม่ทำผิดกฎหมายอย่างเดียวไม่พอ ต้องไม่ผิดศีลธรรมจริยธรรม และไม่ผิดจรรยาบรรณต่อเพื่อนร่วมอาชีพด้วย

ประการที่เจ็ด ต้องมีทัศนคติที่ดีกับการบริการและการท่องเที่ยว อย่าลืมว่ามัคคุเทศอาชีพนั้นจำเป็นต้องไปสถานที่เดิม ๆ อธิบายซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ ทุกวัน จะเบื่อจะเซ็งไม่ได้

ประการที่แปด สุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่มีการลาป่วยในขณะปฏิบัติหน้าที่นะครับเว้นแต่จะหามัคคุเทศก์คนอื่นมาดูแลแทนได้ ต้องรักษาอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ

ประการที่เก้า มีความอดทน มุ่งมั่น ขยัน อาชีพมัคคุเทศก์เป็นงานที่ต้องพบกับคนมากมายหลากหลายทัศนคติ เป็นงานที่ต้องพบกับความกดดันและท้าทาย และต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา ดังนั้นต้องตั้งสติในการแก้ปัญหาให้ดีและใช้ความอดทนให้มากถึงมาก

ประการที่สิบ ต้องมีระเบียบวินัยในการใช้เงิน รายได้ของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ส่วนใหญ่จะรับเป็นค่าตอบแทนเป็นงาน ๆ ไป ไม่สามารถกะเกณฑ์เป็นจำนวนได้แน่นอน นอกจากค่าจ้างรายวันแล้ว อาจจะมีรายได้เสริมจากการขายออฟชั่นนอลทัวร์หรือได้ค่าคอมมิชชั่นจากห้างร้านต่าง ๆ ดังนั้นต้องรู้จักเก็บออมและจัดสรรรายรับรายจ่ายไว้ด้วย บางฤดูกาลนักท่องเที่ยวมีน้อย งานก็พลอยน้อยไปด้วย การเก็บออมก็จะมาช่วยในการดำรงชีวิตช่วงนี้

การเป็นมัคคุเทศก์

การเป็นมัคคุเทศก์
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่า อยากเป็นมัคคุเทศก์จริง ๆ หรือไม่ เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพบริการ ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่จะเป็นมัคคุเทศก์ต้องมีจิตใจสุขุมเยือกเย็น กล้าแสดงออก เป็นนักพูดที่พูดเป็นและพูดดี ร้องเพลงได้ รวมทั้งต้องมีจิตวิทยาสูงด้วย ที่สำคัญ ภาษาต่างประเทศต้องดี และถ้าพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งก่อนเข้าสู่วงการ คุณควรจะผ่านการฝึกอบรมเสียก่อนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะจัดหลักสูตรอบรมร่วมกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์เกษตรศาสตร์ ศิลปากร ฯลฯ ใช้เวลาอบรมประมาณ ๔ เดือน(เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์) ธรรมศาสตร์และเกษตรศาสตร์จะรับเฉพาะผู้จบปริญญาตรีเท่านั้น ผู้อบรมจะต้องสอบเข้า และเมื่อสิ้นสุดการอบรมก็จะต้องสอบวัดผล จึงจะได้รับวุฒิบัตรมัคคุเทศก์ ระหว่างการอบรมจะมีการทัศนศึกษานอกสถานที่ด้วยค่าธรรมเนียมในการอบรม ๔,๕๐๐-๘,๐๐๐ บาท (โดยประมาณ) จะเปิดการอบรมทุกปี ให้คอยฟังการประกาศรับสมัครทางหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน หรือโทรศัพท์สอบถามที่กองวิชาการและฝึกอบรม ททท.หลังจากผ่านการฝึกอบรมแล้ว คุณสามารถสมัครงานได้โดยตรงที่บริษัททัวร์ต่าง ๆ ซึ่งจะเปิดรับมัคคุเทศก์ตลอดปีโดยไม่มีการประกาศรับสมัครงานดังนั้นคุณต้องติดต่อค้นหาด้วยตัวเองปัจจุบันอาชีพมัคคุเทศก์ได้รับความนิยมจากคนหนุ่มสาวมาก เพราะเป็นอาชีพที่มีรายได้ดีมาก หากเป็นมัคคุเทศก์ประจำ บริษัทจะมีเงินเดือนประจำพร้อมเบี้ยเลี้ยง และยังมีรายได้อื่น ๆ อีกรวมไปถึงค่าทิปจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย มัคคุเทศก์ที่มีความสามารถทางภาษาซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น
ภาษาญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี จีน และเกาหลี จะมีรายได้สูงเป็นพิเศษ

การเริ่มต้นในการเป็นมัคคุเทศน์นั้นจะต้องได้รับใบอนุญาติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคุณสามารถสมัครเรียนและอบรมหลักสูตรมัคคุเทศน์ กับทางสถาบัน/มหาวิทยาลัยที่เปิดอบรม เช่น ม.ศิลปกรณ์ ม.รังสิต และอื่นๆอีกหลายแห่งซึ่งสามารถโทรศัพท์ไปสอบถามได้ตามสถาบันที่มีหลักสูตรการอบรม หลังอบรมแล้วก็จะมีการสอบเพื่อวัดระดับความรู้ที่อบรมมาพร้อมด้วยความรู้ทางภาษาอังกฤษ(หรือภาษาอื่นๆ)
ถ้าคะแนนสอบผ่าน+คะแนนภาษาถึงคุณก็จะได้รับบัตรเงิน(บัตรหลักและสำคัญ) ซึ่งหมายถึงคุณสามารถนำทัวร์ได้ทั่วทั้งประเทศไทยและทั้งลูกทัวร์คนไทยและคนต่างชาติ แต่ถ้าคะแนนภาษาของคุณไม่ถึงคุณก็จะได้แค่บัตรทอง ซึ่งหมายถึงคุณสามารถนำทัวร์ได้เฉพาะคนไทยเท่านั้น ไม่สามารถนำทัวร์คนต่างชาติได้นี่คือ2บัตรหลักโดยคร่าวๆ(บัตรมัคคุเทศน์นั้นมีหลายประเภทต่างกันไปขึ้นอยู่กับการสอบ/ประเภทการใช้บัตร/เขตการท่องเที่ยวเช่นทะเล,ภูเขา ) หลังจากที่ได้บัตรแล้วก็ต้องมาดูว่าคุณชอบทำทัวร์แบบไหน

ซึ่งมีเยอะแยะมากมายแบ่งออกเป็นหลักได้ดั้งนี้
1.inbound คือพาฝรั่งเที่ยวไทย
2.outbound คือพาคนไทยเที่ยวต่างประเทศ
3.domestic คือพาคนไทยเที่ยวเมืองไทย การเริ่มทำงานของ inboundคือเป็น transfer boy/girl
คืองานที่เรียกว่ารับเข้าและส่งออกที่สนามบิน(บางบริษัทก็อาจให้ไกด์รับและส่งลูกทัวร์เอง) ซึ่งถือส่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่ภาษาอ่อนแอ หลังจากได้ประสบการณ์และภาษาแล้วก็เลื่อนขั้นขึ้นเป็นไกด์ เริ่มตนด้วยการทำทัวร์ในกรุงเทพ และปริมณฑล
จากนั้นก็เริ่มทำทัวร์ around คือขึ้นเหนือล่องใต้(นี้คือรายละเอียดอย่างคราวๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัททัวร์) ส่วน outbound ก็ต้องมีประสบการณ์inboundและได้ภาษาก่อนก็พร้อมที่จะทำ outbound ได้แต่ส่วนใหญ่แล้ว outbound กับ domestic มักอยู่ด้วยกันเพราะเป็นตลาดที่มีลูกค้าเป็นคนไทย ดั้งนั้นคนที่ทำตลาดoutboundส่วนใหญ่ ก็มักจะเป็นคนที่ทำ domestic มาก่อน แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสามารถของคุณเอง ส่วนการสมัครงานนั้นก็walk-inเข้าไปจะดีที่สุดเพราะบริษัททัวร์ส่วนใหญ่มักจะไม่ลงรับสมัครไกด์ตามสื่อต่างๆ

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การขอวีซ่าไปฝรั่งเศส

วีซ่าท่องเที่ยว ฝรั่งเศส
สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย แผนกวีซ่า
29 ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ 10120
โทรศัพท์ (66 2) 627 2150 โทรสาร (66 2) 627 2155
อีเมล visas@ambafrance-th.org
เวลาทำการ วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี เวลา 8.00 น. ถึง 17.00 น.
วันศุกร์เวลา 8.00 น. ถึง 16.00 น.
เวลาที่ให้บุคคลภายนอกเข้าติดต่อ 8.30 น. ถึง 12.00 น. (ช่วงบ่ายสงวนไว้สำหรับการสัมภาษณ์ผู้ขอวีซ่าระยะยาวซึ่งมีการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น)
สอบถามวีซ่า ฝรั่งเศส Tel.02-6272150
เวลายื่น VISA 08.30 - 12.00 น.
เวลารับเล่ม 09.00 -12.00 น.
ระยะเวลาทำการ 5 วันทำการ **ชำระค่าVISAวันยื่น
ค่าVISA ระยะสั้น 60€ หรือ 2,791 บาท เตรียมเงินไปให้พอดี เพราะที่สถานทูต ไม่มีเงินทอน และไม่รับเงินเกิน

ระเบียบการขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว (วีซ่าระยะสั้น)
ท่านจะต้องแนบหลักฐานทั้งหมดที่ได้ระบุไว้ด้านล่างนี้พร้อมกับแบบคำร้องขอวีซ่า ท่านจะต้องแนบสำเนาเอกสารต่าง ๆ ดังที่ระบุข้างล่างนี้ พร้อมด้วยต้นฉบับของเอกสารนั้น ๆ มาแสดงในวันที่ยื่นคำร้องเอกสารประกอบคำร้องที่เป็นภาษาไทยจะต้องแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสทุกฉบับ
แผนกวีซ่าขอสงวนสิทธิ์ที่จะขอหลักฐานอื่นๆประกอบการพิจารณาเป็นการเพิ่มเติมผู้ที่ประสงค์จะขอวีซ่าต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเองสถานทูตฝรั่งเศสมีสิทธิ์ที่จะไม่พิจารณาออกวีซ่าให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แม้ว่าผู้นั้นจะได้ยื่นหลักฐานครบแล้วก็ตาม
สถานทูตฝรั่งเศสจะปฎิเสธวีซ่าเป็นการถาวรหากพบว่ามีการใช้เอกสารปลอมในการยื่นคำร้อง

เอกสารและหลักฐานต่างๆที่ต้องแนบพร้อมคำร้อง
· คำร้องขอวีซ่าระยะสั้น 1 ชุด
· รูปถ่ายปัจจุบันของผู้ยื่นคำร้อง 2 รูป ขนาด 3.5 x 4.5 ซ.ม. บนพื้นขาวเท่านั้น
· หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้การเกินกว่า 6 เดือน พร้อมสำเนา
· สำเนาบัตรประชาชน (ไม่ต้องแปล)
· หลักฐานการทำงานของผู้ยื่นคำร้อง (หนังสือรับรองการทำงานที่ระบุชื่อและที่อยู่ของนายจ้างเป็นภาษาอังกฤษ )
· หลักฐานการจดทะเบียนการค้า ในกรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ (แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
· หลักฐานการเงินของผู้ยื่นคำร้อง
สมุดบัญชีเงินฝาก อัพเดทล่าสุดอย่างน้อย 15 วันก่อนยื่น
หนังสือรับรองจากธนาคารสำหรับหลักทรัพย์อื่นๆเช่นเงินกองทุนต่างๆ
(ถ้ามี) (ถ้าขอเอกสารการเงินจากสถาบันการเงินขอเป็นภาษาอังกฤษ)
สลิปเงินเดือน (ล่าสุด)
สำเนาบัตรเครดิตต่าง ๆ บรรดามี ถ่ายรวมไปในกระดาษ 1 แผ่น
· หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินที่ระบุวันเดินทางไป-กลับ
· เส้นทางการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเช็งเก็น (เขียนเอง ทำเป็น ตาราง ๆ ก็ได้ว่า
วันไหนอยู่ประเทศอะไร )
· หนังสือรับรองที่พักในประเทศฝรั่งเศส เช่นหลักฐานการจองโรงแรม ทะเบียน บ้านในประเทศฝรั่งเศสหรือสัญญาการเช่าที่พัก

หลังจากที่แผนกวีซ่ารับคำร้องแล้ว ท่านจะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
· ตั๋วเครื่องบินไป-กลับประเทศฝรั่งเศสที่ระบุวันเดินทางที่แน่นอน (แล้วแต่กรณี)
· กรมธรรม์ประกันสุขภาพที่ระบุว่าท่านจะได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เจ็บป่วยขณะอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ตลอดจนได้รับความคุ้มครองในกรณีที่ต้องนำส่งกลับประเทศไทยวงเงิน ประกัน 30,000 ยูโร

ถ่ายเอกสาร อย่างละ 1 ชุด วันนำไปรับเล่ม

หมายเหตุ
ผู้เดินทางจะต้องมีต้นฉบับหลักฐานสำคัญประกอบการขอวีซ่าติดตัวและพร้อมที่จะแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของฝรั่งเศสในกรณีที่มีการร้องขอมิฉะนั้นท่านอาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ

วันยื่น
เอกสารข้างบนไปให้พร้อม พร้อมแปะรูปในแบบฟอร์มและแนบกับชุดเอกสาร อย่าลืมเขียนชื่อ และ หมายเลขพาสปอร์ต ด้านหลังรูปด้วย