วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คุณสมบัติของมัคคุเทศก์

คุณสมบัติของมัคคุเทศก์อาชีพ
ประการแรก ต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ซึ่งสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เป็นผู้ออกให้ ปกติจะมีอายุ 2 ปี นับจากวันที่ออก มีค่าธรรมเนียมฉบับละ 200 บาท (หลังมีนาคม 2551 ค่าธรรมเนียมจะขึ้นเป็น 1,500 บาท ตามประกาศของ พรบ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑)

คุณสมบัติมัคคุเทศก์ตาม พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา 39
ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นมัคคุเทศก์ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จากนายทะเบียน
การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 40 ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(3) เป็นผู้ที่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสือรับรองว่าได้ผ่านการอบรมวิชามัคคุเทศก์ตามหลักสูตรที่คณะกรรมการรับรอง
(4) ไม่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นโรคติดต่อที่คณะกรรมการกำหนด
(5) ไม่เป็นผู้วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ หรือเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
(6) ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(7) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างสั่งพักใช้ใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์
(8) ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ แต่ถ้าเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต ต้องถูกเพิกถอนมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี

จาก พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา 39
ระบุไว้ชัดเจนครับว่าอาชีพมัคคุเทศก์ต้องมีใบอนุญาต เราจึงเห็นมัคคุเทศก์สวมบัตรอันเป็นสัญญลักษณ์การได้รับอนุญาตดังกล่าว(บัตรไกด์) ห้อยคอระหว่างปฎิบัติหน้าที่ทุกครั้ง จาก พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา 40 (1) จะได้ความภูมิใจว่า มัคคุเทศก์เป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น ต่างชาติจะมาแย่งทำอาชีพนี้เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย และจาก พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา 40 (3) จะได้ความรู้ว่า มัคคุเทศก์เป็นอาชีพที่ต้องผ่านการฝึกอบรม

ประการที่สอง ต้องเป็นผู้รู้จริง เพื่อจะได้ตอบคำถามได้ด้วยความมั่นใจ และใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ ยกตัวอย่าง เช่น
* รู้เกี่ยวกับสถานที่นำเที่ยว รู้ทั้งประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โบราณคดี สังคม ศาสนา ศิลปะ วรรณคดี วัฒนธรรมประเพณี อาหารการกิน นิทานพื้นบ้าน ฯลฯ
* รู้เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ที่พัก, ร้านอาหาร, การเดินทางด้วยพาหนะต่าง ๆ, ระบบตั๋วเครื่องบิน, ระบบรักษาความปลอดภัย
* รู้เกี่ยวกับกฎหมายและกฎระเบียบ เช่น พิธีการตรวจคนเข้าเมือง, ระเบียบการเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ
* รู้ข้อมูลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว เช่น ภาษาประจำชาติ ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวชาตินั้น ๆ
* ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือต้องรู้หน้าที่ของมัคคุเทศก์ด้วย เช่น มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา มีความเสมอภาคและยุติธรรม

ประการที่สาม ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รวมทั้งต้องมีศิลปะในการพูด สามารถอธิบายและให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวได้

ประการที่สี่ ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รู้จักสร้างบรรยากาศความเป็นกันเองกับนักท่องเที่ยว ใส่ใจให้เกียรติแก่นักท่องเที่ยวทุกคนเท่าเทียมกัน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
ยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง

ประการที่ห้า มีบุคลิกภาพดี กิริยามารยาทสุภาพ แต่งกายได้เหมาะสมกับสถานที่และกาลเทศะ รู้ว่าเมื่อไรควรพูด เมื่อไรควรเงียบ
จำไว้เลยว่ามัคคุเทศก์คือฑูตวัฒนธรรม คิดถึงภาพลักษณ์ของประเทศชาติให้มาก ๆ

ประการที่หก ต้องมีคุณธรรม ทั้งความซื่อสัตย์สุจริต ความมีน้ำใจ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ วงการนี้มีโอกาสที่จะฉกฉวยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวในทางที่ผิด มาก ๆ
ดังนั้นคำว่าไม่ทำผิดกฎหมายอย่างเดียวไม่พอ ต้องไม่ผิดศีลธรรมจริยธรรม และไม่ผิดจรรยาบรรณต่อเพื่อนร่วมอาชีพด้วย

ประการที่เจ็ด ต้องมีทัศนคติที่ดีกับการบริการและการท่องเที่ยว อย่าลืมว่ามัคคุเทศอาชีพนั้นจำเป็นต้องไปสถานที่เดิม ๆ อธิบายซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ ทุกวัน จะเบื่อจะเซ็งไม่ได้

ประการที่แปด สุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่มีการลาป่วยในขณะปฏิบัติหน้าที่นะครับเว้นแต่จะหามัคคุเทศก์คนอื่นมาดูแลแทนได้ ต้องรักษาอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ

ประการที่เก้า มีความอดทน มุ่งมั่น ขยัน อาชีพมัคคุเทศก์เป็นงานที่ต้องพบกับคนมากมายหลากหลายทัศนคติ เป็นงานที่ต้องพบกับความกดดันและท้าทาย และต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา ดังนั้นต้องตั้งสติในการแก้ปัญหาให้ดีและใช้ความอดทนให้มากถึงมาก

ประการที่สิบ ต้องมีระเบียบวินัยในการใช้เงิน รายได้ของผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ส่วนใหญ่จะรับเป็นค่าตอบแทนเป็นงาน ๆ ไป ไม่สามารถกะเกณฑ์เป็นจำนวนได้แน่นอน นอกจากค่าจ้างรายวันแล้ว อาจจะมีรายได้เสริมจากการขายออฟชั่นนอลทัวร์หรือได้ค่าคอมมิชชั่นจากห้างร้านต่าง ๆ ดังนั้นต้องรู้จักเก็บออมและจัดสรรรายรับรายจ่ายไว้ด้วย บางฤดูกาลนักท่องเที่ยวมีน้อย งานก็พลอยน้อยไปด้วย การเก็บออมก็จะมาช่วยในการดำรงชีวิตช่วงนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น